top of page

สิ่งที่ทุกพระองค์ทำเพื่อชาติ


ประเทศไทยปกครองด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์มาแต่โบราณกาล มีภาษาและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ กว่าที่เราจะรวมชาติไทยให้เป็นปึกแผ่นดั่งเช่นทุกวันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งในการกู้ชาติ กู้แผ่นดิน เราถึงได้มีเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้ บทความในครั้งนี้จะขอสดุดีและเทอดทูนในพระกรณียกิจของพระเจ้าแผ่นดินแห่งราชวงศ์ จักรี ให้ลูกหลานชาวไทยได้ทราบว่าสิ่งที่ทุกพระองค์ได้ทรงเสียสละพระชนชีพเพื่อชาติบ้านเมืองนั้นมากมายจนมิอาจพรรณนา

รัชกาลที่ ๑ ทรงครองราชย์ 27 ปีกว่าๆ พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙-๗ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๒) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ ๑ ในราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันพุธเดือน ๔ แรม ๕ ค่ำปีมะโรง อัฐศกเวลา๓ยาม ตรงกับวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ ทรงขึ้นครองราชย์ขณะมีพระชนมายุ ๔๖ พรรษา และทรงย้ายราชธาณีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งพระนคร และโปรดเกล้าให้สร้างพระบรมหาราชวังเป็นที่ประทับ

สงคราม ๙ ทัพ สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างไทยกับพม่าในรัชกาลที่ ๑ โดยครั้งนั้นพระเจ้าปดุงแห่งราชวงศ์ อลองพญา ของพม่ามีพระราชประสงค์ที่จะเพิ่มพูนพระเกียรติยศและชื่อเสียงให้ขจรขจายด้วยการกำราบอาณาจักรสยาม จึงรวบรวมไพร่พลถึง ๑๔๔,๐๐๐คน กรีฑาทัพจะเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์โดยแบ่งเป็น ๙ทัพใหญ่เข้าตีจากรอบทิศทาง ส่วนทัพของพระบาทสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีกำลังเพียงครึ่งหนึ่งของทหารพม่าคือมีเพียง ๗๐,๐๐๐ คนเศษเท่านั้น ด้วยพระปรีชาสามารถในการทำสงคราม ได้ทรงให้กองทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ไปสกัดทัพพม่าที่บริเวณทุ่งลาดหญ้า ทำให้พม่าต้องติดชะงักอยู่บริเวณช่องเขา แล้วทรงให้จัดทัพแบบกองโจรออกปล้นสะดม จนทัพพม่าขัดสนเสบียงอาหาร เมื่อทัพพม่าบริเวณทุ่งลาดหญ้าแตกพ่ายไปแล้ว สมเด็จบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท จึงยกทัพไปช่วยทางอื่นและได้รับชัยชนะตลอดทุกทัพ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ได้ถึง ๙ ทัพ จึงได้ชื่อว่าสงคราม ๙ทัพนั่นเอง

ทรงสร้างพระนคร ขุดคูเมืองและสร้างป้อมปราการรอบพระนคร ทรงสร้างพระบรมหาราชวัง ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ทรงสร้างวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ทรงสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ทรงสร้างเสาชิงช้า และอีกมากมาย

รัชกาลที่ ๑ ได้ทรงสร้างพระนครและปราสาทราชมณเฑียรจนเสร็จสิ้นทรงโปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎกและจารฉบับทองประดิษฐานไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพรศรีรัตนศาสดาราม ทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทย ซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่ยุคกรุงแตกให้กลับคืนดีอีกวาระหนึ่ง ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร "รามเกียรติ์" พระองค์ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างพระอารามอีกเป็นจำนวนมาก เป็นการเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือต่าง ๆ ได้มีงานทำ . #รัชกาลที่2 ทรงครองราชย์เกือบ 15 ปี

-ทรงมีพระอัจฉริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา ทั้งทางด้านประติมากรรม ด้านการดนตรี แต่ที่โดด เด่นที่สุดเห็นจะเป็นในด้านวรรณคดี

-ยุค ร.2 ถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ละครรำ รุ่งเรืองถึงขีดสุด ด้วยพระองค์ทรงเป็นกวีเอก และทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่มด้วยกัน เช่น รามเกียรติ์ตอนลักสีดาวานรถวายพล พิเภกสวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ . #รัชกาลที่3 ทรงครองราชย์ 26 ปีกว่าๆ ท่านคือพระบิดาแห่งการค้าไทย

-ท่านทรงโปรดให้เปิดการค้าขายกับต่างประเทศ เงินถุงแดงของท่าน(ในถุงเป็นเงินประเทศเม็กซิโกครับ) เป็นเงินกู้ชาติที่ ร.5ท่านใช้เป็นค่าไถ่ประเทศไทยจากฝรั่งเศสครับ

-ทรงโปรดให้สร้างป้อมปราการตามหัวเมืองสำคัญและ ตามชายฝั่งทะเล ตลอดจนต่อเรือรบเรือกำปั่นไว้ใช้ในราชการเป็นจำนวนมาก (เหมือนจะทรงรู้ว่าฝรั่งเศสจะมาบุกในสมัยร.5)

-ทรงขุดคลองไว้เยอะเช่นคลองบางขุนเทียน

-ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามเป็นจำนวนมาก โปรดให้มีการสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ และโปรดให้จารึกตำราต่างๆ 8 หมวดบนแผ่นศิลา ประดับไว้ในวัดพระเชตุพนฯ เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ถือได้เลยว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ

#รัชกาลที่4 ทรงครองราชย์ 17 ปีกว่าๆ

-ทรงเป็นพระบิดาแห่งการทูต ท่านทรงติดต่อกับนานาอารยประเทศ เห็นได้จากการ ที่ประเทศต่างๆ ส่งคณะทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี และติดต่อค้าขาย และพระองค์ได้ทรงแต่งคณะทูต ออกไปเจริญสัมพันธไมตรีตอบแทนหลายครั้ง เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา โปรตุเกส เดนมาร์ค ฯลฯ

-ทรงสนับสนุนให้มี การศึกษาศิลปวิทยาการใหม่ๆ เช่น วิชาการต่อเรือใบ เรือกลไฟ เรือรบ การฝึกทหารอย่างยุโรป

-ทรงให้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นเพื่อผลิตเหรียญเงินขนาดต่าง ๆ ใช้แทนเงินพดด้วง ประกาศพิกัดอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อช่วยให้การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าได้คล่องและเป็นสากลขึ้น

-ทรงประกาศ กฎหมายต่าง ๆ ออกมา เป็นจำนวนมากเพื่อความผาสุก และให้ความเป็นธรรมแก่อาณาประชาราษฎร์ เช่นการลดภาษีอากร ลดหย่อนค่านา และอีกมากมาย . #รัชกาลที่5 ท่านครองราชย์ 42ปี ผลงานที่สำคัญของท่าน

-ทรงเลิกทาส การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะเป็นผลสำเร็จได้ ต้องทำให้คนไทยได้เป็นไทเสียก่อน พระองค์จึงได้ทรงดำเนินการเลิกทาสโดยมิให้กระทบกระเทือนถึงเจ้าของทาสและทาส ด้วยพระราชหฤทัยแน่วแน่และทรงพระราชอุตสาหะอย่างยิ่ง ใช้เวลาถึง30ปี ก็ทรงเลิกทาสสำเร็จลงตามพระราชปณิธานที่ได้ทรงตั้งไว้

-ทรงได้รับยกย่องว่าเป็นนักปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ จากแบบเก่ามาสู่แบบใหม่

-ทรงยกเลิกการไต่สวนพิจารณาคดีแบบจารีตนครบาลมาเป็นการไต่สวนพิจารณาคดีในศาลแบบปัจจุบัน

-ทรงจัดการศึกษาแผนใหม่ ทรงตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นทั้งในพระบรมมหาราชวังและตามวัดต่างๆ

-ทรงโปรดให้ปรับปรุงการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เช่น การประปา การรถไฟ และการไปรษณีย์-โทรเลข

-ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ

-ทรงปรับปรุงระบอบการปกครองโดย เสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้านเช่นสิงคโปร์ และอินเดีย เพื่อศึกษาการปกครองแบบตะวันตกที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ในประเทศตะวันออก เพื่อปรับปรุงการปกครองของไทยให้ทันสมัย โดยทรงแบ่ง ส่วนราชการการบริหาร และราชการส่วนกลางเป็น 12 กระทรวง

-การเสด็จประพาสต้น เป็นการเสด็จไปเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถอย่างง่ายๆ โดยมิให้ใครรู้จักพระองค์ ทำให้ได้ประทับปะปนในหมู่ประชาชน ทรงทราบทุกข์สุขจากปากประชาชนโดยตรง ทำให้ได้ทรงแก้ไขปัดเป่าความทุกข์ยากให้ ราษฎรของพระองค์ได้ผลโดยตรง

#รัชกาลที่6 ครองราชย์ 15 ปีกว่าๆ ผลงานที่สำคัญๆ ของพระองค์

-การศึกษาของชาติเจริญก้าวหน้ามาก ทรงสถาปนาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

-การพระศาสนาเจริญสูงขึ้น ทรงทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และขยายการศึกษาของสงฆ์ให้กว้างขวาง

-การคมนาคม เช่น การรถไฟ สะดวกสบายขึ้นมาก

-ทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศได้ อย่างถูกต้อง เห็นการณ์ไกล โดยทรงนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ส่งทหารเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธ มิตรรบในสมรภูมิยุโรป ทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และยังทำให้ประเทศได้รับผลประโยชน์ ด้านต่างๆ ในฐานะประเทศชนะสงคราม

-ทรงจัดตั้งกองทัพอากาศเพิ่มขึ้นอีกกองทัพหนึ่ง ทรงจัดตั้งกองเสือป่าและกองลูกเสือเพื่อปลุกใจพลเมืองให้รักชาติ

-ทรงโปรดให้สร้างบ้านเมืองจำลองขึ้นเรียกว่า ดุสิตธานี เพื่อเป็นโรงเรียนสอน เสนาบดีและอำมาตย์ ให้รู้จักการปกครองแบบประชาธิปไตย

-ทรงโปรดให้กระทรวงมหาดไทย เตรียมร่างกฎหมายปกครองท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเริ่มการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาลอย่างแท้จริง

-ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในเชิงอักษรศาสตร์ มีพระราชนิพนธ์คำประพันธ์ทุกชนิดเกินกว่า 200 เรื่อง

#รัชกาลที่7 ทรงครองราชย์ 9 ปีกว่าๆ

-ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติทั้งส่วนรวมและส่วนพระองค์ โปรดให้สร้างหอพระสมุดสำหรับพระนคร เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าศึกษาได้อย่างเสรี

-ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา เพื่อมีหน้าที่บริหารและเผยแพร่วิชาการด้านวรรณคดี โบราณคดี และศิลปกรรม

-ทรงให้ทุนนักเรียนไปศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ

-ทรงโปรดให้ราชบัณฑิตยสร้างหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก

-โปรดให้สร้างสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกใน ประเทศไทย

-ในส่วนกิจการรถไฟ ขยายเส้นทางรถทางทิศตะวันออกจากทางจังหวัดปราจีนบุรี จน กระทั่งถึงต่อเขตแดนเขมร

-ทรงยินยอมสละพระราชอำนาจ เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมาย ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับประชาชน

#รัชกาลที่8 ทรงครองราชย์ 11 ปีกว่าๆ ทรงครองราชย์ตั้งแต่ตอนอายุ 9พรรษา ทรงเป็นยุวกษัตริย์ ที่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้ประชาชนชาวไทยได้เป็นอย่างดีครับ ทรงโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง เพื่อทรงเยี่ยมประชาชนชาวจีนและอินเดียในบริเวณนั้น เป็นการช่วยลดความแตกแยกระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวจีน จนหมดไปด้วยพระปรีชาของพระองค์

#รัชกาลที่9 ทรงครองราชย์ 70 ปี 4447 โครงการในพระราชดำริ ถูกตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชน และสิ่งแวดล้อม (ผมมีโอกาสไปเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว 26 โครงการ) ทุกโครงการมีสถานที่ตั้งชัดเจน พวกเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชม และศึกษาได้เลยครับ ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างไร!

-หลายโครงการเพื่อการส่งเสริมอาชีพ เช่น การทำฟาร์มโคนม ,โครงการนาข้าวทดลองที่สวนจิตลดา เพื่อเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นดีให้ชาวนานำไปปลูก ขยายพันธ์ ,โครงการเกษตรหลวงที่ดอยอ่างขางเพื่อให้ชาวเขา เลิกปลูกฝิ่นมาปลูกพืชผลและดอกไม้ที่จะเป็นประโยชน์กว่า , โครงการธนาคารโคกระบือ ให้เกษตรกรยืมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร , โครงการชั่งหัวมัน แปลงทดลองเกษตรวิถีใหม่เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรนำไปทำตาม, ศูนย์ศึกษาและพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เพื่อพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายฝั่งทะเล.

-หลายโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมเช่น กังหันชัยพัฒนา แก้ปัญหาน้ำเสีย, โครงการแกล้งดิน แก้ปัญหาดินเสีย,โครงการฝนเทียม เพื่อลดความแห้งแล้ง, โครงการชลประทาน เพื่อการบริหารจัดการน้ำ, โครงการหญ้าแฝก เพื่อรักษาหน้าดิน, โครงการแก้มลิง เพื่อบริหารจัดการน้ำบรรเทาน้ำท่วม ,โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จัดการน้ำเสียและขยะ , ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เพื่อให้ความรู้ มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงดินพรุ ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้. (ยังมีอีกเยอะครับ )

-หลายโครงการเกี่ยวกับสาธารณสุข ทรงตั้งหน่วยแพทย์พระราชทาน เพื่อตามเสด็จไปรักษาประชาชนทั่วประเทศ ,มูลนิธิราชประชาสมาสัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อน , มูลนิธิวิจัยประสาทวิทยา เพื่อค้นคว้า ป้องกัน รักษา และสงเคราะห์ผู้ป่วยทางประสาทวิทยาและสมองพิการทุกประเภท, วัคซีนโควิด-19 ที่แอสตร้า ผู้พัฒนาวัคซีนเลือกไทยเป็นฐานในการผลิตวัคซีนโดย บ.สยามไบโอไซเอนซ์ (ก่อตั้งโดยในหลวงรัชกาลที่9)

#สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ( พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุม 4ด้านใหญ่ๆครับ

-ด้านศิลปวัฒนธรรม โครงการศูนย์ศิลปาชีพ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรไทยทั่วประเทศ ส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้าน การปั้น การทอ และการจักสานโครงการนกยูงทอง ยกระดับและพัฒนาผ้าไหมไทย

-ด้านสาธารณสุข ทรงรับผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงเป็นคนไข้ในพระราชูปถัมภ์ ทรงจัดตั้งโครงการแพทย์หลวง โครงการทันตกรรมพระราชทาน ,โครงการหมอหมู่บ้าน , โครงการแขน ขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่

-ด้านการศึกษา ทรงให้ความสำคัญโครงการศึกษานอกระบบโรงเรียน เช่นการสอนอาชีพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

-ด้านสิ่งแวดล้อม ทรงตั้งโครงการป่ารักษ์น้ำ ,บ้านเล็กในป่าใหญ่ , โครงการพิทักษ์ป่ารักษาชีวิต, โครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เป็นต้น

#รัชกาลที่10 ครองราชย์ 2559 - ปัจจุบัน ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะทรงขึ้นครองราชย์

-ด้านการศึกษา ทรงยกระดับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38แห่งทั่วประเทศ concept คือ ให้มีคุณภาพการศึกษาและสามารถนำไปพัฒนาท้องถิ่นของตนทรงจัดตั้งโรงเรียนในพระราชดำริ เช่น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3แห่ง โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3แห่ง ,โรงเรียน ทีปังกรวิทยาพัฒน์ 6แห่ง , มกุฏเมืองราชวิทยาลัย, โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์,และ โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพาราชานุสรณ์

-ด้านสาธารณสุข ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจกับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ

-ด้านสังคมสงเคราะห์ ทรงเยี่ยมชุมชนแออัดของกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติด

-ด้านเกษตรกรรม ทรงตั้งโครงการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก จังหวัดสุพรรณบุรี ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 เพื่อช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นให้ไห้อยู่ดีกินดี .. ทุกพระราชกรณียกิจพระองค์ทรงทำเพื่อชาติไทยเพื่อคนไทยได้อยู่สุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้ เราคนไทยควรน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์

bottom of page